Reviews: Slaves to Darkness - Darkoath Army Set

กล่องอาร์มี่เซ็ทกล่องใหม่อีกหนึ่งกล่องของฝ่าย Slaves to Darkness จากเกม Warhammer Age of Sigmar ที่ Games Workshop ส่งมาให้ล่วงหน้าเพื่อนำมารีวิวครับ 

โดยในกล่องนี้จะประกอบไปด้วยมิเนียเจอร์จำนวนทั้งหมด 27 ตัวที่เป็นการออกแบบและปั้นขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แบ่งเป็น 1 Darkoath Chieftain on Warsteed, 1 Darkoath Wilderfiend, 5 Darkoath Fellriders และ 20 Darkoath Marauders รวมไปถึงหนังสือ Battletome Supplement: Darkoath ความหนา 24 หน้า, Warscroll Cards 4 แผ่น และ Token Sheet อีกหนึ่งแผ่น

ตัวมิเนียเจอร์ที่ให้มาเกือบทั้งหมดจะเป็นแบบมัลติพาร์ท สามารถเลือกเปลี่ยนอาวุธและส่วนหัวได้ตามความพอใจ ในกล่องนี้มีชิ้นส่วนของหัวให้มาสำรองเยอะมากๆ เท่าที่นับดูน่าจะมีมาให้เลือกติดได้มากกว่า 40 หัว เยอะจริงๆ 😅 ส่วนรายละเอียดต่างๆของมิเนียเจอร์ในชุดนี้ ส่วนตัวคิดว่านี่เป็นอีกหนึ่งชุดที่ปั้นท่าทางและทำรายละเอียดต่างๆออกมาได้สวยมากจริงๆ ตอนที่หยิบชิ้นส่วนต่างๆมานั่งดูโดยเฉพาะพวกรายละเอียดของใบหน้าและเส้นผมคือทึ่งมาก มีแม้กระทั่งผมแบบถักเปียกับเดรดล็อกที่ทำออกมาได้คมชัดมาก แถมแอคชั่นต่างๆก็ทำออกมาได้อารมณ์เหมือนกำลังวิ่งเข้าไปบวกกัน เป็นอีกชุดที่คิดว่าน่าจะเพ้นท์ได้สนุกเลย 

เดี๋ยวเร็วๆนี้คงจะเลือกตัวในกล่องนี้มาทำสีให้ชมกัน แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำตัวไหนดีเพราะชอบหลายตัวเลย ยังไงก็รอติดตามชมกันดูแล้วกันนะครับ แล้วจะนำความคืบหน้ามาให้ชมกันอีกที สำหรับใครที่สนใจกล่อง Darkoath Army Set ตอนนี้กำลังเปิดให้พรีออเดอร์อยู่ และจะวางจำหน่ายในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ ลองสอบถามรายละเอียดจากร้านต่างๆดูได้ครับ

#AdWIP

#Warhammer40000

#WarhammerCommunity

Einstein (Figone, 55mm bust)

This project is finally finished! It's been almost 3 years since I left this bust on the shelf because of a lack of inspiration. At that time I thought it looked okay but it missed something that I couldn't think of. Until I went to attend the Monte San Savino Show last year and had a chance to talk with Ben Komets. He gave me some advice to improve on this bust and it made me realize what I had missed before. It took me some time to redo the painting of the face and I was satisfied with the results a lot more than before.

This bust was painted with acrylics from various brands such as AK 3rd Gen, Vallejo, Citadel, Kimera, and Scale75. I used the stippling technique to create the texture and volume of the skin and used the glazing technique to blend the colors in some areas and add more tones, especially on the shadow. I've learned a lot from this project and I'm so happy that it's finally finished. 

Thank you so much Ben Komets for your helpful advice, I appreciate it. I'm going to keep that in mind for all of my projects in the future. 

หลังจากที่ทำๆหยุดๆกับงานบัสชิ้นนี้มานานหลายปี ในที่สุดก็ทำจนเสร็จสมบูรณ์เสียทีครับ ก่อนหน้านี้ทำสีผิวเสร็จเรียบร้อยก็ทิ้งเอาไว้นานเป็นปีไม่ได้ทำต่อ เพราะรู้สึกว่ามันขาดอะไรไปบางอย่างแต่นึกไม่ออกว่าคืออะไรก็เลยได้แต่เก็บไว้บนชั้นวางมาเรื่อยๆ จนปีที่แล้วเดินทางไปร่วมงานประกวด Monte San Savino Show ที่อิตาลี่และติดงานชิ้นนี้ไปด้วย มีโอกาสได้คุยกับ Ben Komets ก็เลยนำงานชิ้นนี้ไปสอบถามเขาเพื่อขอคำแนะนำ และเขาก็ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์มาหลายอย่างที่ก่อนหน้านี้เรามองข้ามไป โดยเฉพาะส่วนของใบหน้าบริเวณด้านบนที่ก่อนหน้านี้มันดูกลืนไปหมดกับส่วนอื่นๆแต่พอเพิ่มไฮไลท์ให้สว่างขึ้นก็ทำให้ส่วนของใบหน้าดูเด่นชัดมากขึ้นและทำให้ภาพรวมของงานดูลงตัวขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ต้องใช้เวลาไปพอสมควรในการเพ้นท์เพิ่มส่วนต่างๆจนได้ผลลัพธ์แบบที่พอใจเหมือนอย่างในภาพ

งานชิ้นนี้ใช้การเพ้นท์ด้วยสีอะครีลิคจากหลากหลายยี่ห้อทั้ง AK 3rd Gen, Vallejo, Citadel, Kimera และ Scale75 และใช้เทคนิค Stippling หรือการจุดสีเป็นหลัก ในการจำลองพื้นผิวบนชิ้นงานให้ดูเหมือนกับผิวหนังของสิ่งมีชีวิต รวมถึงใช้ในการสร้างมิติบนผิวหนังให้ดูมีความตื้นลึกที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังใช้เทคนิค Glazing ในการเกลี่ยสีในบางจุดให้ดูกลมกลืนและใช้ในการเพิ่มมิติของสีบนชิ้นงาน โดยเฉพาะในส่วนของเงามืดให้ดูน่าสนใจมากขึ้น สำหรับบริเวณที่เป็นโลหะเลอกใช้สีเมทัลลิกในการทำสีแบบ TMM (True Metallic Metal) ส่วคนหนึ่งเพราะต้องการให้สีดูสอดคล้องกับงานบัส Capt'n Sapo ของยี่ห้อเดียวกันที่เคยทำเอาไว้เมื่อนานมาแล้วครับ

นี่เป็นการทำงานอีกหนึ่งครั้งที่รู้สึกว่าได้เรียนรู้อะไรเยอะมากๆ และต้องขอบคุณ Ben Komets ที่ช่วยให้คำแนะนำหลายๆอย่าง จนทำให้ผลงานที่เสร็จออกมาได้ผลลัพท์ที่น่าพอใจมากๆ และในอนาคตจะนำประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานครั้งนี้ นำไปใช้ในการพัฒนาผลงานชิ้นใหม่ๆให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอนครับ